เฟสเขียว 2 บรรทัด

เฟสเขียว 2 บรรทัด

เฟสเขียว 2 บรรทัด ผู้ใช้ Facebook คนไม่ใช่น้อยที่มีเพจเป็นของตัวเอง หรือพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์มีมีเพจร้าน ใน Facebook บางครั้งก็อาจจะแลเห็นแท็บ คุณภาพของเพจ (Page Quality) ที่ปรากฏขึ้นมาบนหน้าเพจของเรา และอาจมีปัญหาว่าความสามารถของเพจเป็นเยี่ยงไร มีไว้เพื่ออะไร แล้วก็มีการวัดยังไง วันนี้ Shoplus เลยเก็บทุกข้อความสำคัญที่คุณน่าจะรู้เกี่ยวกับความสามารถของเพจ สำหรับเพจร้านค้าของคุณ มาให้ได้มองดูกัน!

Community Standards มีอะไรบ้าง

ข้อควรกระทำหลักๆของ Community Standards ของ Facebook หลักๆแล้วจะเป็นเกี่ยวกับเนื้อหาที่เพจได้โพสต์ลง โดยถ้าว่าเพจของคุณมีเนื้อหาตามด้านล่างนี้ เพจของคุณก็อาจมีโอกาสเสี่ยงต่อการโดนแจ้งเตือนเกี่ยวกับคุณภาพของเพจ หรือเพจเป็นสีเหลืองนั่นเอง

เนื้อหาที่แสดงความรุนแรง ไม่เหมาะสม

ไม่ว่าจะเป็นการโพสต์รูปภาพ หรือวิดีโอ ที่มีการส่อถึงการใช้ความรุนแรง การกระทำผิดกฏหมาย รวมทั้งการขายสินค้าที่ห้ามขายยกตัวอย่างเช่น อาวุธปืน, ยาเสพติด, กัญชาแล้วก็ยารักษาโรค, เครื่องดื่มแอลกอฮอล์/ยาสูบ, สัตว์ใกล้สิ้นพันธุ์, สัตว์มีชีวิตที่ไม่มีความเสี่ยงหมดสิ้น, เลือดมนุษย์, ผลิตภัณฑ์ลดน้ำหนัก, วัตถุโบราณ อื่นๆอีกมากมาย

เนื้อหาที่ละเมิดความเป็นส่วนตัว

เนื่องจากว่า Facebook ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ค่อนจะเยอะมาก ด้วยเหตุนั้นแม้ว่า เฟสเขียว 2 บรรทัด ทางเพจมีการเสนอเนื้อหาที่มีการฝืนความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ ไม่ว่าจะเป็นที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ หรือข้อมูลส่วนตัวทางด้านการเงินของผู้ใช้ Facebook บุคคลอื่นรวมทั้งประเด็นหลักที่เป็นการแกล้งรังแกอีกด้วย

เนื้อหาที่ละเมิดลิขสิทธิ์

แน่นอนว่าเรื่องลิขสิทธิ์เกิดเหตุใหญ่ยอดเยี่ยมที่ทุกคนไม่ควรไม่เอาใจใส่ เพราะเหตุนี้ถ้าหากเพจของคุณใช้รูปภาพ วิดีโอ หรือเพลงที่มีลิขสิทธิ์โดยที่ไม่ได้รับอนุญาติ เพจของคุณก็เสี่ยงล่องลอยได้เหมือนกัน!

ยกเว้นเนื้อหาที่โพสต์แล้ว การกระทำต่างๆของผู้ดูแลเพจ ก็มีผลกับการตรวจเช็คความสามารถเพจได้เช่นกัน โดยหากเพจของคุณได้รับการแจ้งเตือนเกี่ยวกับการเป็น Spam ก็อาจมีต้นเหตุมาจากพฤติกรรมดังต่อไปนี้

มีการโพสต์ที่ถี่อย่างยิ่ง ทั้งบนหน้าเพจแล้วก็การบรอดแคสต์สาระสำคัญ

ถ้าหากเพจของคุณมีการโพสต์เนื้อหาเดิมเสมอๆต่อกัน ขายเฟสเขียว โดยเฉพาะการแชร์เนื้อหาที่ได้มาจากเว็บไซต์อื่นๆรวมทั้งมีการส่งข้อความบรอดแคสต์ให้กับลูกค้าของเพจเป็นประจำเพจของคุณก็มีการเสี่ยงที่จะละเมิด Community Standard ของ Facebook ได้ ไม่ว่าจะมาจากการที่ลูกค้าของคุณอารมณ์เสียประเด็นหลักบรอดแคสต์จนกว่ากด report หรือการเช็ดกตรวจหาจากทาง Facebook ก็ตาม

มีการแชร์เนื้อหาคลิกเบต

“คลิกเบต” เป็นการแชร์เนื้อหาที่เป็นการล่อให้คลิก ที่การนำดหัวข่าวที่เกินจริง หรือไม่ตรงกับความเป็นจริงของรายละเอียดเพิ่มเติมโดย Facebook ถือว่าการแชร์คลิกเบตเทียบเท่าการแชร์ False News บนโลกออนไลน์ซึ่งถือเป็นการฝืน Community Standards ด้วยด้วยเหมือนกัน

เฟสเขียว 2 บรรทัด เพจเขียวรับประกันสิทธิ์เป็นเยี่ยงไร ?

เพจเขียวประกันสิทธิ์ เป็นเพจที่เคยมีการโปรโมทโปรโมทที่ผิดแนวนโยบายของทาง Facebook แล้วก็มีการยื่นการันตีและก็ผ่านการตรวจสอบจากระบบแล้วขอรับ ซึ่งหลายๆคนงงมากและก็หลงทางระหว่างเพจเขียวยืนยันสิทธิ์ กับ คุณภาพบัญชีเพจเขียวกันขอรับ ซึ่งสองส่วนนี้ที่จริงแล้วเป็นคนละส่วนกันครับผม แต่ทั้งสองส่วนมีความสำคัญไม่แพ้กันขอรับ ซึ่งหากเป็นคุณภาพบัญชีเพจไม่ว่าจะติดเหลืองหรือติดแดงจะมาจากการที่โพสต์ที่ผิดหนทางของทาง Facebook ซึ่งแตกต่างจากเพจเขียวการันตีสิทธิ์ที่มาจากการโฆษณาโพสต์ที่ผิดกลยุทธ์ขอรับ  เฟสเขียว 2 บรรทัด โดยเราสามารถเข้าไปพินิจพิจารณาง่ายได้ด้วยตัวเองตามกระบวนการข้างล่างนะครับ

คุณภาพบัญชีเพจ

ความสามารถบัญชีเพจในส่วนนี้ก็สื่อความหมายครับซึ่งถ้าหากมีการโพสต์ที่ผิดแนวทางของทาง Facebook ทางระบบจะมีการแจ้งเตือนเป็นลำดับไปขอรับ โดยเตือนเป็นสีเหลืองและจากนั้นก็สีแดงเป็นลำดับนะครับ ส่วนเพจที่ไม่มีการผิดคำสั่งใดๆก็ตามก็จะเป็นสีเขียวขอรับ ขั้นตอนการมองดูคุณภาพเพจจะมีง่ายๆเพียงสองหนทางนะครับไปดูกันเลย.!!

เพจเขียวการันตีสิทธิ์เป็นเพจที่เคยมีการประชาสัมพันธ์โฆษณาที่ฝืนแนวนโยบายของทาง Facebook แล้วก็ผ่านการยืนยันตรวจทานจากระบบมาแล้ว หากแม้คุณภาพบัญชีเพจนั้นระบบจะวัดจากโพสต์ที่โพสต์ลงในเพจนั้นๆโดยจะมีอยู่สามประเภทเป็น เพจเขียว เพจเหลือง และจากนั้นก็เพจแดง

กรรมวิธีเริ่มทำ SEO marketing

1. วางแผนการตั้งเป้าหมาย

สำหรับผู้ที่เพิ่งจะเริ่มทำ SEO ชอบใช้ 3ท เสมอๆเป็น ทำ ทัน หน โดยมิได้คิดแผนให้ดีก่อน ทราบไหมครับผม กระบวนการทำ SEO ส่วนแรกสุดหมายถึงการวางแผนการ ยิ่งพวกเราวางแม่นมากแค่ไหน จังหวะที่จะเติบโตสำหรับเพื่อการทำ SEO ก็ยิ่งมีความน่าจะเป็น

ในอันดับแรกของแนวทางการทำ SEO นั้นคุณควรจะมีการวางแผนการรวมทั้งตั้งเป้าหมายว่าสำหรับเพื่อการทำ SEO คุณอยากที่จะให้ธุรกิจสำเร็จลัพธ์อะไร เป็นต้นว่า Awareness, Traffic, Leads, Conversion พร้อมระบุ กรุ๊ปคีย์เวิร์ด ที่ต้องการจะไปแข่ง ทั้งยังทางตรงรวมทั้งทางอ้อม อย่างเช่น ผมออกแบบเว็บไซต์ขายคอนโด คีย์เวิร์ดทางตรงสำหรับผมก็จะเป็น คอนโด ราคาเท่าใด, คอนโด พระราม 9 สำหรับทางอ้อม ดังเช่น ไอเดียการแต่งบ้าน

ซึ่งวิธีทำอย่างงี้ จะช่วยปรับคุณทำ SEO ได้อย่างแม่นยำ ตามวัตถุประสงค์ ไม่ต้องเสียเวล่ำเวลาลองถูกลองผิด แล้วก็ยังช่วยให้คุณระบุแผนการการเลือก Keyword ในลำดับต่อไปได้ง่ายดายมากยิ่งกว่าเดิมอีกด้วย

2. Research Keyword วางองค์ประกอบเว็บ

ภายหลังที่คุณตั้งเป้าหมายของกระบวนการทำ SEO ได้แล้ว ขั้นตอนถัดมาก็คือขั้นตอนที่สำคัญของวิธีการทำ SEO ก็คือการกำหนด Keyword หรือคำค้นหาที่คุณจะใช้เพื่อสำหรับการทำ SEO ให้เว็บของคุณแสดงผลลัพธ์เมื่อผู้ใช้งานมีการค้นหาคำนั้นๆ

โดยขั้นแรกคุณจำต้องทำ Research Keyword ก่อนเพื่อกล่าวหาผู้ใช้งานหรือลูกค้าโดยมากชอบค้นหาด้วยคำค้นหาแบบไหนหรือทำให้ท่านทราบว่า Keyword อื่นๆที่ใกล้เคียงกับคำที่คุณคิดไว้ รวมทั้งมองอัตราการประลองใน Keyword แต่ละคำเพราะว่ามีอัตราการค้นหา (Search Volume) สูงเพียงใด ความยากง่ายเป็นเยี่ยงไร หรือในเรื่องที่คุณปรารถนาซื้อโปรโมท Google Ads คำนั้นมีค่า Click through rate (CTR) อยู่ที่คลิกละกี่บาท เพื่อการหา Keyword ที่คุณมีความรู้สึกว่าคุณพอเพียงจะขึ้นไปอยู่ในชั้นการค้นหาหน้าแรกได้

ซึ่งสำหรับเพื่อการ Research Keyword นั้นคุณสามารถใช้อุปกรณ์ (Tools) สำหรับเพื่อการช่วยค้นหาได้  เฟสเขียว 2 บรรทัด ที่มีทั้งยังแบบฟรีรวมทั้งเสียตังค์ โดยความรู้ความเข้าใจก็จะต่างกันออกไป อย่างเช่น Google Keyword Planner, Ubersuggest, Ahrefs รวมทั้งวัสดุอื่นๆ

3. สร้างเว็บ

ภายหลังที่คุณได้ Keyword หรือไอเดียสำหรับในการหา Keyword แล้วถัดมาก็คือการให้เริ่มสร้าง “เว็บ” ให้ถูกหลักเกณฑ์ของ SEO หรือเอาง่ายๆก็คือการผลิตเว็บและก็ปรับปรุงแก้ไขส่วนประกอบของเว็บ ที่คุณน่าจะจะต้องให้ความเอาใจใส่ตั้งแต่ต้นน้ำ เริ่มตั้งแต่

การหาบริการเช่า Hosting สำหรับสร้าง SEO network ที่มีคุณภาพโดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเขียนชื่อ Domain หรือชื่อของเว็บคุณที่จะจะต้องเป็นชื่อที่จำง่าย สะกดไม่ยาก เป็นภาษาอังกฤษ เพื่อการเข้าถึงแบบสากล ให้ Google รู้เรื่องได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้นรวมทั้งสบายต่อการจัดชั้นของ Search Engine Algorithm

การเลือกใช้งานระบบเว็บแบบ HTTPS (https://…) ที่นับว่าเป็นระบบการเชื่อมต่อผ่านอินเทอร์เน็ตที่มีการเข้ารหัส เพื่อให้เกิดความปลอดภัยของผู้ใช้งานเว็บ เนื่องจากทาง Google นั้นให้ความเอาใจใส่กับความปลอดภัยของผู้ใช้เป็นหลัก โดยเหตุนี้เว็บไหนที่ใช้งานระบบ HTTPS ก็นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเหตุที่ทำให้ Google จัดลำดับเว็บของคุณให้แสดงผลลัพธ์บนหน้าการค้นหาอันดับที่หนึ่งอีกด้วย

*ถ้าหากเว็บไหนที่อยู่ในข่ายไม่ปลอดภัย Google จะมีระบบระเบียบจัดแจงที่ชื่อว่า Google Safe Browsing ที่จะรอตรวจค้นเว็บที่ได้โอกาสรุกล้ำข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งาน รวมทั้งจะขึ้น Pop-Up (สีแดง) แจ้งเตือนถึงความไม่ปลอดภัยของเว็บก่อนจะมีการเข้าใช้งาน ซึ่งจะมีผลให้ผู้ใช้ไม่สามารถที่จะเข้าไปยังหน้าเว็บนั้นได้ (Traffic ก็จะต่ำลงโดยปริยาย)

นอกนั้นก็ยังมีเรื่องมีราวของการวางองค์ประกอบของเว็บ หรือ Site Structure ที่จะต้องทำให้ทุกเพจบนเว็บสามารถเชื่อถึงกันได้ หรือทางเชิงเคล็ดวิธีก็บางครั้งอาจจะรวมทั้งด้าน Coding เพิ่มเข้ามาด้วย

4. เขียน Content SEO

เมื่อเว็บเริ่มเป็นตัวเป็นตน ขั้นตอนถัดมาพวกเราก็จะเริ่มมาใส่ “คอนเทนต์” หรือรายละเอียดต่างๆลงไปในเว็บ, เว็บเพจของพวกเรา ซึ่งเรื่องเกี่ยวกับการสร้างคอนเทนต์นั้น จัดว่ามีความจำเป็นต่อ SEO อย่างใหญ่โตด้วยเหตุว่าถ้าเกิดคุณมีการใส่คอนเทนต์ที่มี Keyword ที่คุณอยากได้ลงไป เพื่อติดอันดับการค้นหาใน Keyword นั้นๆ

แล้วก็จำต้องสร้างคอนเทนต์แบบ Useful Content หรือจะต้องเป็นคอนเทนต์ที่มีสาระ น่าอ่าน น่าติดตาม ก็จะช่วยเย้ายวนใจผู้ใช้งานเปลี่ยนมาเป็นลูกค้าของพวกเราได้อย่างง่ายดาย

ซึ่งในตอนนี้การเขียน Content SEO ก็ควรจะมีเรื่องของ Search Intent หรือเจตนาการค้นหาของผู้ใช้งานบน Google เข้ามาเกี่ยวด้วย เนื่องจากว่าความประพฤติปฏิบัติผู้ใช้งานจำนวนมากเริ่มหันมาค้นหาเรื่อง/บริบท ที่ตนเองอยากรู้ใน Google เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ยกตัวอย่างเช่น Digital Marketing เป็นอย่างไร,แนวทางย้ายค่ายเบอร์เดิม, พารากอนเปิดกี่นาฬิกา, เรียน SEO ที่แหน่งใดดี หรืออื่นๆ

เลยทำให้กระบวนการทำคอนเทนต์ SEO ในตอนนี้จำเป็นต้องคิดถึงประเด็นการสร้างคอนเทนต์ให้ตรงกับ Search Intent หรือสิ่งที่มีความต้องการของผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นเรื่อยๆด้วยนั่นเอง

5. ปรับแก้ On-Page SEO

ขั้นตอนถัดมา ภายหลังที่พวกเราได้สร้างคอนเทนต์สำหรับเพื่อการทำ SEO ไปนิดหน่อยแล้ว ถัดมาพวกเราจะเริ่มกระทำปรับปรุงแก้ไขเว็บให้ตรงตามสิ่งที่ต้องการของ Google เพิ่มมากขึ้นด้วยวิธีการทำ On-Page SEO (หรือ On-Site SEO) ที่จะเป็นการแก้ไขรายละเอียดคอนเทนต์ข้างในหน้าเว็บอีกทั้งหน้าหลักแล้วก็หน้าเพจอื่นๆเพื่อเป็นการเพิ่มจังหวะให้เว็บสามารถติดหน้าแรกเมื่อมีการค้นหาบน Google

โดยทำ On-Page SEO ที่ดีนั้นจำเป็นต้องย้ำไปที่การผลิตความรู้ความเข้าใจให้แก่ผู้ใช้งานว่าเว็บในแต่ละเพจนั้นเกี่ยวกับอะไร แล้วก็จำต้องทำให้ผู้ใช้งานได้รับประสบการณ์การใช้แรงงานที่ยอดเยี่ยม (หรือให้อยู่บนเว็บของคุณนานๆ) โดยแนวทางการทำ On-Page SEO ควรต้องอาศัยการปรับปรุงแก้ไขเว็บสำคัญๆดังต่อไปนี้

  • การใส่ Keyword ของธุรกิจคุณลงไปกระบวนการทำคอนเทนต์บนเว็บใน 100 คำแรก หรือตามหัวข้อ (heading) ต่างๆ
  • การปรับปรุงแก้ไข Title tags , Meta Description ด้วยการใส่ Keyword ของเว็บคุณลงไปด้วย จะช่วยทำให้ Search Engine Algorithm ตรึกตรองชั้นของคุณก้าวหน้าขึ้น
  • ย่อขนาดของไฟล์ที่เป็นไฟล์ภาพและก็สื่ออื่นๆตัวอย่างเช่นวิดีโอให้มีขนาดไฟล์ที่เล็ก เพื่อทำให้เว็บสามารถดาวน์โหลดได้เร็วขึ้น (PageSpeed)
  • วิธีการทำ Internal Links ให้เชื่อมลิงก์ไปยังหน้าเพจต่างๆ(หรือ Anchor Link) เพื่อทำให้ผู้ใช้งานอยู่บนเว็บคุณได้นานขึ้น
  • การใส่ HTML Tags (H1, H2, H3..) เพื่อจัดลำดับจุดสำคัญของรายละเอียดของหน้าคอนเทนต์

เขียนเว็บไซต์ให้รองรับได้ในทุกเครื่องใช้ไม้สอยการแสดงผล เช่นสมาร์ทโฟน (Mobile friendly) แท็บเล็ต หรืออื่นๆโดย Google จะพิเคราะห์ชั้นการแสดงผลจากเหตุนี้ด้วย

6. Link Building

เมื่อพวกเราได้ทำ On-Page SEO หรือการแก้ไขที่เกี่ยวกับปัจจัยภายในของเว็บเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว ขั้นตอนถัดมาก็คือกระบวนการทำ Link Building หรือเคล็ดลับสำหรับการทำให้เว็บอื่นๆลิงก์กลับมายังเว็บพวกเรา (เรียกอีกอย่างว่าแนวทางการทำ Off-Page SEO) ซึ่งจะมีผลให้เว็บของพวกเราได้รับความน่าไว้วางใจในสายตาของผู้ใช้งาน เฟสเขียว 2 บรรทัด เนื่องจากว่าจัดว่าเว็บของคุณมีคุณภาพมากพอที่จะเป็นแหล่งอ้างอิงให้เว็บอื่นได้

ซึ่งแน่ๆว่าการที่เว็บอื่นๆBacklink กลับมาหาคุณ เว้นแต่เรื่องของความน่าไว้วางใจแล้ว ยังมีผลต่อชั้นการแสดงผลบนหน้าการค้นหาด้วย เนื่องจากว่าเว็บไหนที่ได้ Backlink กลับมาเยอะแยะระบบ Algorithm ของ Google ก็จะเห็นว่าเว็บของคุณนั้นเป็นเว็บที่มีคุณภาพรวมทั้งให้แต้มผลของการจัดลำดับดียิ่งขึ้นนั่นเอง

  • โดยขั้นตอนการที่จะทำให้ท่านได้ Backlink กลับมายังเว็บนั้น ปัจจุบันนี้มีอยู่หลายแนวทางอีกทั้งดีและไม่ดี (แนวทางการทำ SEO สายดำ) ซึ่งพวกเราเสนอแนะว่าให้ท่านทำแบบที่ถูก
  • การเขียนคอนเทนต์ประสิทธิภาพที่มีคุณค่าต่อลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย (แนวทางลักษณะนี้ดีเยี่ยมที่สุด)
  • มานะสร้างรูปภาพ, Infographic หรือสื่อวิดีโอลงไปในบทความของคุณด้วย เพื่อคนที่นำรูปไปใช้กระทำการอ้างอิงกลับมา
  • ทดลองว่าจ้าง, ขอความร่วมมือจากเว็บใหญ่ๆให้พวกเขาเขียนคอนเทนต์แล้ว Backlink กลับมาหาคุณ
  • ไปเป็น Guest Writing ให้กับเว็บต่างๆแล้วก็ใช้โอกาสนี้สร้าง Backlink กลับมาหาเว็บคุณ
  • ใช้ Social Media สำหรับการแชร์เว็บหรือบทความของพวกเราไม่ว่าจะเป็น Facebook, Twitter หรือโซเชียลเน็ตเวิร์ควิถีทางอื่นๆก็จะก่อให้เว็บของคุณ มี Traffic, Click Rate มากขึ้นทำให้ Google คิดว่าเว็บของคุณเป็นเว็บที่มีคุณค่า

แม้การทำ Link Building บางทีอาจปราศจากความเกี่ยวเนื่องกับการปรับแก้เว็บของคุณโดยตรง แม้กระนั้นวิธีการทำ Link Building นั้นก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งเหตุที่สำคัญมากๆสำหรับเพื่อการทำ SEO ให้บรรลุผลสำเร็จ

7. Measurement (ประเมินผล) & Optimization (ปรับแก้ปรับปรุงแก้ไข)

และก็ขั้นตอนสุดท้ายภายหลังที่คุณได้กระทำปรับปรุงแก้ไขเว็บทั้งยัง On-Page แล้วก็ Off-Page เป็นระเบียบเรียบร้อยแล้วนั้น สิ่งที่คุณจึงควรห้ามปล่อยทิ้งเด็ดขาด ดูหนังออนไลน์ฟรีไม่กระตุก (นักการตลาดหลายๆคนมาตกม้าตายกันนี้) ซึ่งก็คือเรื่องเกี่ยวกับการประเมินผล (Measurement) รวมทั้งการปรับแก้ปรับแต่ง (Optimization)

เพราะเหตุว่าถ้าคุณทำ SEO โดยมิได้มีการประเมินผลเลย คุณก็จะไม่รู้จักเลยว่าในเดี๋ยวนี้เว็บหรือวิธีการทำ SEO ของคุณได้ใกล้แผนการที่คุณตั้งไว้ภายในข้อ 1 แล้วมากมายน้อยเท่าใด และก็หากในเรื่องที่เว็บของคุณยังไม่ถึงแผนการที่ตั้งไว้ มันมีสาเหตุมาจากสาเหตุอะไร

  • ซึ่งสำหรับการประเมินผลสำหรับเพื่อการทำ SEO นั้น คุณสามารถเข้าไปมองสถิติกลุ่มนี้ได้ผ่านอุปกรณ์อย่าง Google Analytics, Google Search Console, Google Data Studio โดยสำหรับคนเริ่มต้นพวกเราจะจุดโฟกัสไปที่ Metrics ต่างๆดังต่อไปนี้
  • Ranking – ชั้นของเว็บคุณในหน้าการแสดงผลของ Keyword แต่ละคำ นับว่าเป็นต้นเหตุคราวสำคัญของกระบวนการทำ SEO ที่สุด ซึ่งคุณสามารถใช้สิ่งที่ใช้ในการติดตามชั้นของเว็บยกตัวอย่างเช่น Proranktracker เป็นตัวช่วยได้ (พวกเราชี้แนะ)
  • Impressions – ปริมาณครั้งที่ผู้ใช้งานมองเห็นเว็บของคุณผ่านการค้นหาบน Google ไม่ว่าเว็บของคุณจะอยู่ชั้นที่เยอะแค่ไหน  จะนับเป็น 1 Impressions หากเว็บไหนมี Impression สูงก็พอๆกับว่ามีผู้ใช้งานมองเห็นเว็บมากมายนั่นเอง
  • Clicks – ปริมาณคลิกหรือปริมาณผู้ที่กดเข้าไปเยี่ยมชมเว็บของคุณ ผ่านหน้าการค้นหาบน Google
  • Traffic – ปริมาณผู้กดเข้าไปเยี่ยมชมเว็บแล้วก็เข้าไปใช้เวลาหรือมีความสัมพันธ์กับเว็บของคุณ (ซึ่งกระบวนการทำ SEO จะก่อให้เว็บของคุณได้ Organic Traffic หรือ Traffic แบบที่ไม่เสียเงินเสียทอง)

รวมทั้งในส่วนต่อมาภายหลังที่คุณได้ทราบ Metrics เหตุการณ์ปัจจุบันนี้ หรือข้อผิดพลาดของกระบวนการทำ SEO ให้กับเว็บของคุณแล้ว พวกเราก็จะมาเริ่มกระทำปรับแก้ปรับปรุงแก้ไข ให้การทำ SEO นั้นดียิ่งขึ้น