เฟสเขียว SEO สำคัญต่อนักการตลาดอย่างไร

เฟสเขียว

เฟสเขียว สำหรับธุรกิจที่มีเว็บเป็นของตนเอง มั่นใจว่าคุณคงจะได้ยินเรื่องวิธีการ SEO ผ่านหูมาบ้าง หรือในบางธุรกิจก็บางทีอาจเคยใช้บริการบริษัทรับทำ SEO มาแล้ว เนื่องจากว่าวิธีการทำ SEO หรือ Search Engine Optimizationหมายถึงแนวทางเดียวที่ช่วยเพิ่มยอดการเข้าถึงเว็บ (Traffic) โดยไม่จำเป็นที่จะต้องใช้งบประมาณประชาสัมพันธ์ ดังนี้ ไม่ว่าคุณเคยพึ่งพาอาศัยการตลาดที่เรียกว่า SEO ไหม หรือกำลังพึงพอใจจะเริ่มทำ SEO อย่างเป็นจริงเป็นจัง เนื้อหานี้จะปฏิบัติภารกิจเป็นตำราสรุปทุกเรื่องเกี่ยวกับ Google SEO โดยชี้แจงให้ท่านรู้เรื่องตั้งแต่เริ่มว่า SEO เป็นอย่างไร มีลักษณะการทำงานยังไง แล้วก็อุบาย SEO ผิดแผกแตกต่างกับ SEM หรือ Search Engine Marketing เยอะแค่ไหน มาเริ่มศึกษาไปพร้อมเพียงกัน!

แม้คุณอยากได้บรรลุผลสำเร็จสำหรับเพื่อการทำ SEO คุณน่าจะจำต้องรู้เรื่องแจ่มแจ้งก่อนว่า “ความหมายของคำว่า SEO เป็นอย่างไร” ซึ่งในที่นี้ ขอชี้แจงความหมายของคำ 2 คำที่เกี่ยวข้องกันอย่างมีความนัยยะสำคัญหมายถึงSEO แล้วก็ SEM

เฟสเขียว

SEO (Search Engine Optimization) เฟสเขียว เป็นอย่างไร

SEO กับ SEM แตกต่างยังไง

ผู้คนมากไม่น้อยเลยทีเดียวสงสัยมาตลอดว่า SEO SEM เป็นยังไง? – จริงๆแล้ว แนวทางการทำการตลาดบน Search Engine เรียกรวมๆว่า SEM หรือ Search Engine Marketing โดยแบ่งได้เป็น 2 แบบหมายถึงSEO แล้วก็ PPC

SEO หรือ Search Engine Optimizationหมายถึงการปรับแก้เว็บให้สามารถติดอันดับแรกๆบน Search Engine ผ่านการแก้ไขคอนเทนต์แล้วก็ส่วนประกอบเว็บให้สอดคล้องกับแนวทางการทำงานของ Algorithm เพื่อมีการแลเห็นจากผู้ค้นหา กระทั่งสามารถยั่วยวนใจให้เข้ามาใช้งาน  เฟสเขียว  รวมทั้งสร้างจังหวะปิดแนวทางการขายถัดไป ข้อดีของกระบวนการทำ SEO คุณสามารถทำงานได้ โดยไม่ต้องจ่ายเงิน

อย่างไรก็แล้วแต่ ดูหนังออนไลน์ฟรีไม่กระตุก ปัจจุบันนี้คนชอบเรียกการตลาดแบบ PPC ว่า SEM ทำให้เวลามีปริศนาว่า “SEO รวมทั้ง SEM แตกต่างยังไง?” ชอบหมายความว่า ให้เทียบระหว่างกระบวนการทำ SEO กับการซื้อโปรโมทบน Search Engine ดังเช่น กระบวนการทำ Google Ads ว่าไม่เหมือนกันยังไงนั่นเอง

วางแบบองค์ประกอบเว็บรวมทั้งรายละเอียด

ควรจะทำรายละเอียดในแต่ละหน้าให้เหมาะสมกับ Search Intent หรือจุดมุ่งหมายสำหรับในการค้นหาของผู้ใช้งาน โดยมองได้จากรายละเอียดของเว็บที่ติดในหน้าแรกใน Keyword ต่างๆ

※ควรจะแบ่งรายละเอียดตามหมู่ Keyword ที่กำหนดไว้ในแนวทางการทำ Keyword Research

ควรจะแบ่งหน้าเว็บให้เป็นระบบเป็นลำดับชั้น เฟสเขียว เพื่อช่วยเสริมคุณภาพวิธีการทำ SEO และก็ช่วยดันชั้น Keyword ได้ดิบได้ดีเพิ่มขึ้น

แบบอย่าง:

หน้าหมู่หลัก → ทัวร์ประเทศญี่ปุ่น

หน้าหมวดรอง → ทัวร์เมืองโตเกียว, ทัวร์โอซาก้า, ทัวร์ฮอกไกโด

What Is Search Intent? (SEO's Guide to What Users Want)

ควรจะทำรายละเอียดในแต่ละหน้าให้เหมาะสมกับ Search Intent โดยมองได้จากรายละเอียดของเว็บที่ติดในหน้าแรกใน Keyword ต่างๆ

แบบอย่าง:

  • Informational Keyword ตัวอย่างเช่น
    • ทัวร์ประเทศญี่ปุ่น → ควรจะสร้างหน้าบริการทัวร์ประเทศญี่ปุ่นเพื่อเก็บแพคเกจทัวร์ประเทศญี่ปุ่นที่มีอยู่ทั้งสิ้น
  • Navigational Keyword อย่างเช่น
    • เช็คอินออนไลน์ การบินไทย → ควรจะสร้างสร้างบทความในบล็อก เพื่อชี้แนะวิถีทางรวมทั้งกรรมวิธีการเช็คอิน
  • Commercial Keyword ดังเช่น
    • ทัวร์ประเทศญี่ปุ่น บริษัทไหนดี, เปรียบทัวร์ประเทศญี่ปุ่น → ควรจะสร้างบทความในบล็อก เพื่อชี้แนะบริษัททัวร์
  • Transactional Keyword อาทิเช่น
    • จองทัวร์ประเทศญี่ปุ่น, ราคาทัวร์ประเทศญี่ปุ่น → สามารถใช้หน้าบริการทัวร์ประเทศญี่ปุ่น โดยมีปุ่มให้จองและก็มีการแสดงราคาของแต่ละแพ็คเกจ

ใส่ Keyword ในเว็บให้มีคุณภาพ

  • ควรจะระบุ Focus Keyword ให้แต่ละหน้าเว็บไซต์ไม่ให้ซ้ำไปซ้ำมากัน เพื่อหน้าเว็บไซต์ที่อยากติดอันดับที่เหมาะสมที่สุด
  • ควรจะใส่ Keyword อย่างเหมาะสมในส่วนที่มีความหมายต่างๆข้างในแต่ละหน้าของเว็บ ดังเช่น
  • Title Tag, Meta Description ซึ่งจะแสดงชื่อหัวข้อแล้วก็คำพรรณนาบนหน้าผลของการค้นหา
  • H1 tag ซึ่งเป็นประเด็นหลักของหน้าเว็บนั้นๆแล้วก็ H2 tag ซึ่งเป็นหัวข้อรองลงมา
  • Plain Text ซึ่งเป็นรายละเอียดธรรมดาบนหน้าเว็บ
  • Alt Text (Alt Tag) ซึ่งเป็นคำชี้แจงรูปภาพ
  • Anchor Text (A Tag) ซึ่งเป็นลิงค์แบบใจความ
  • ควรจะเลี่ยงการใช้ Keyword บ่อยๆกันไม่น้อยเลยทีเดียวเพื่อไม่ให้เป็น Keyword Spam หรือ Keyword Stuffing ทั้งยังยังไม่ยุติธรรมชาติเวลา User (ผู้ใช้งาน) มาอ่านรายละเอียด

Search Engine คืออะไร มีกี่ประเภท มีกระบวนการทำงานอย่างไร แบบเจาะลึก

เฟสเขียว สร้างรายละเอียดที่มีคุณภาพสำหรับ Search Engine แล้วก็ User

ควรจะเขียนรายละเอียดและก็เขียนเว็บไซต์ให้ผ่านหลักเกณฑ์ E-E-A-T Factor ซึ่งเป็นมาตรฐานการประมาณประสิทธิภาพของ Google เพื่อทำให้เว็บติดอันดับเจริญ โดยมี

  • E-Experience หรือเผชิญกาณ์ ซึ่งมากมายจากรายละเอียดที่มาจากประสบการณ์ตรงของคนเขียน อาทิเช่น การใช้แรงงานผลิตภัณฑ์ การแก้ไขปัญหา
  • E-Expertise หรือความชำนาญ ซึ่งมาจากความถูกต้องแน่ใจของรายละเอียด ให้ข้อมูลในเชิงลึก และก็เขียนโดยผู้ชำนาญในหัวข้อนั้นๆ
  • A-Authoritativeness หรือความมีอิทธิพล ซึ่งมากมายจากการที่เว็บได้รับการอ้างอิงจากเว็บอื่นๆหรือ Backlink นั่นเอง
  • T-Trustworthiness หรือความน่านับถือ ซึ่งมากมายจากตัวเว็บเอง ตัวอย่างเช่น วิถีทางการติดต่อ หน้าเกี่ยวกับพวกเรา รวมทั้งความสดใหม่ของรายละเอียดด้วย
  • ควรจะสร้างรายละเอียดที่เกี่ยวเพื่อช่วยเหลือกระบวนการทำ SEO ในหน้าเว็บที่ต้องการที่จะให้ติดอันดับ ตลอดจนหน้าเว็บอื่นๆที่มีรายละเอียดเกื้อหนุนหรือเกี่ยวข้องกัน พร้อมทำ Internal Link เชื่อมโยงเพื่ออ่านต่อ
  • ควรจะเขียนรายละเอียดหรือเรียบเรียงข้อมูลที่ได้มาจากแหล่งต่างๆด้วยตัวเอง ไม่ก็อปปี้มาจากที่อื่นๆ และไม่ใช้อุปกรณ์อัตโนมัติสำหรับเพื่อการสร้างบทความ หรือที่เรียกว่าการรีไรท์บทความ
  • ควรจะแบ่งหัวข้อรายละเอียดเป็นประเด็นหลักและก็หัวข้อย่อย เพื่อ User อ่านเข้าใจง่าย รวมทั้งใช้ H2 tag – H6 tag ดูแลเป็นลำดับชั้นเพื่อ Search Engine รู้เรื่ององค์ประกอบรายละเอียด
  • สร้างรายละเอียดที่มีสาระที่จะตอบสนอง User
  • ควรจะเขียนรายละเอียดที่ตรงตามความอยากของ User หรือที่เรียกว่า Search Intent เพื่อตอบปัญหาคนที่ปรารถนาค้นหาด้วย Keyword ต่างๆโดยสามารถมองได้จากวิธีการทำ Keyword Research
  • ควรจะสร้างบทความที่มีคุณประโยชน์ อย่างเช่น บล็อก สาระวิชาความรู้ โดยรายละเอียดต้องมีความเกี่ยวพันกับธีมใจความหลักของเว็บ
  • ควรจะเขียนรายละเอียดที่ให้ข้อมูลเจาะลึก มีความยาวราว 1,000 คำขึ้นไป เพื่อชี้ให้เห็นว่าพวกเราเป็นฉันรูในหัวข้อนั้นจริงๆ
  • สามารถทำ External Link ไปยังเว็บอ้างอิงเพื่อช่วยเพิ่มความน่าไว้วางใจให้กับรายละเอียดได้

อัพเดตเว็บอย่างสม่ำเสมอ

  • ควรจะแก้ไข หรือเพิ่มเติมอีกเนื้อความในหน้าเว็บที่อยากที่จะให้ติดอันดับ เพื่อรายละเอียดมีการอัพเดตอยู่เสมอ
  • ควรจะเพิ่มข้อมูลใหม่ๆในเว็บ ยกตัวอย่างเช่น ผลิตภัณฑ์มาใหม่ ข้อมูล โปรโมชั่น ผลงานปัจจุบัน เพื่อเว็บมีความสดใหม่อยู่เป็นประจำ