เว็บหนังออนไลน์ฟรี หนังมาใหม่และหนังชนโรง ดูหนังคุณภาพ

เว็บหนังออนไลน์ฟรี

เว็บหนังออนไลน์ฟรี เรื่องย่อ: หนึ่งปีภายหลังจากเรื่องราวในภาคแรก ไมล์ส โมราเลส ไม่สามารถที่จะติดต่อกับสมัยก่อนเพื่อนในภาคแรกรวมทั้ง เกวน สเตซี ที่รักของเขา แม้กระนั้นแล้วการปรากฏตัวของคนร้ายคนใหม่นามว่าสปอตที่มีพลังของหลุมมิติ ก็ได้ชักพาให้ไมล์สได้เข้ามาพัวกันรวมทั้งร่วมมือกับเหล่าสไปเดอร์แมนอื่นในทุกจักรวาล เพื่อจัดการกับภัยร้ายซึ่งอาจส่งผลให้มีการพังทลายของทุกจักรวาล

ส่งเสริมโดย Major Cineplex
ภายหลังจากโซนี่ได้ขยายราคาของแฟรนไชส์ตนเอง ด้วยการผลิตแอนิเมชันสไตล์งานทดสอบที่ชอบใจนักวิพากษ์วิจารณ์รวมทั้งมีเรื่องราวแบบมัลติเวิร์สที่แฟนบอยคอยใน ‘Spider-Man: Into the Spider-Verse’ (2018) กระทั่งคว้าออสการ์มาครอบครอง แน่ๆว่าทางค่ายก็ไม่รอคอยช้าจะต่อยอดการบรรลุผลโดยการประกาศหนังอีก 2 ภาคเพื่อเป็นสามภาค Spider-Verseหมายถึง‘Spider-Man: Across the Spider-Verse’ (2023) รวมทั้ง ‘Spider-Man: Beyond the Spider-Verse’ (2024)

ด้วยเหตุผลดังกล่าวก็เลยเดาได้ง่ายๆว่า ‘Across the Spider-Verse’ จะเป็นสะพานเพื่อเชื่อมไปยังภาคสุดท้ายมากยิ่งกว่าจะเป็นหนังคนเดียวที่มีผลสรุปบริบูรณ์ในตัว แต่มันก็มีความทะยานอยากสำหรับการเล่าขนาดใหญ่ที่มีการเดินทางท่องผ่านไปถึง 6 จักรวาล มีตัวละครหลวงเรื่องกว่า 240 ตัวจนกระทั่งคนใดกันที่เป็นแฟนชนิดเข้มของสไปเดอร์แมนบางทีอาจจำต้องตาลาย กรี๊ดกับทุกเวอร์ชันของสไปดี้ที่เผยตัวแบบละลานตา แน่ๆว่ามันยกเครื่องอีกทั้งเรื่องราวและก็โปรดักชันกระทั่งเปลี่ยนเป็นหนังระดับบล็อกบัสเตอร์ที่จำเป็นต้องใช้กลุ่มแอนิเมเตอร์สูงถึง 1,000 คนภายในแนวทางการทำโปรเจกต์นี้ อัพเดทหนังใหม่

Table of Contents

นี่เป็นหนังเรื่องนึงที่หลายต่อคนไม่ใช่น้อยรอสูงที่สุดที่ปีเลยก็ว่าได้ จากปัญหาต่างๆเยอะมากระหว่าง Sony กับ Marvel ที่มีต่อผู้แสดงนี้ กระทั่งมันออกมาเป็นหนังหัวข้อนี้ให้พวกเราได้มองกันเนี่ยล่ะ เว็บหนังออนไลน์ฟรี คนไฮป์กันทุกตอนตั้งแต่แบบอย่างแรกพร้อมเรื่องราว ข่าวโคมลอยต่างๆก็เลยไม่สนเท่ห์ใจเลยว่าเพราะอะไรคนถึงแห่ไปดูกันตั้งแต่วันแรกรีบจองตั๋วล่วงหน้ากันรัวๆ

ทุกภาคก่อนหน้าที่ผ่านมาหนังสไปเดอร์แมนจะมีความเป็น Coming-of-age หรือหนังก้าวผ่านวัยอยู่เสมอ รวมทั้งในภาคนี้มันเป็นอีกระดับของการก้าวผ่านวัย หนังมันโตขึ้นจริงๆอีกทั้งส่วนประกอบ บท และก็การเดินเรื่องต่างๆทำให้หนังหัวข้อนี้มันสามารถให้เอาผู้ชมอยู่มากมาย ต้องการเอาใจช่วยรวมทั้งติดตามทุกพฤติกรรมของ Peter Parker ในฐานะ Spider-Man อีกทั้งพาร์ทดราม่าเอ่ย พาร์ทโรแมนติกเอ่ย ทำเป็นดีจังๆกลมกล่อมละมุนละไมครบรส ครบอารมณ์มากมาย ถึงแม้ว่าหนังจะความยาว 2 ชั่วโมงเกือบจะครึ่งแต่ว่าไม่มีส่วนไหนหรือจุดไหนที่มีความรู้สึกว่ายืดหรือน่ารำคาญเลย เล่าได้บันเทิงใจน่าติดตามจริงๆ

เหล่าดาราปฏิบัติภารกิจได้ดิบได้ดีทุกคนรวมทั้งภาคนี้มีความคิดว่า Tom Holland แสดงโคตรดีจังๆไม่รู้จักกำลังจะถึงออสการ์อย่างที่ตัวน้องทอมมึงอวยเองมั้ย แม้กระนั้นแสดงดีเยี่ยมจริงๆรวมทั้งผู้แสดงอย่าง Zendaya ที่ยิ่งมองเห็นคุณแสดงยิ่งมีเสน่ห์ มิได้มองมาก มองธรรมชาติ แต่ว่าน่าดูสุดๆสองพระนางเคมีโคตรถูกกัน เชื่อเลยว่ารักกันจริงๆยิ่งทั้งสองเป็นคนรักกันในชีวิตจริงแล้วยิ่งทำให้ในหนังมองจริงแบบไม่ต้องสงสัยเลย ที่เยี่ยมเป็น Jacob Batalon ในบท Ned Leeds ที่ออกมาทีไรแย่งซีนแล้วก็เรียกเสียงหัวเราะได้ทุกฉากจริงๆและไม่บอกก็มิได้กับเหล่าตัวร้ายที่เพียงแค่มองเห็นเขากลับมาแสดงก็ดีแล้วจิตใจแล้วโดยเฉพาะอย่างยิ่งสามคนหลัก Jamie Foxx, Alfred Molina, Willem Dafoe ที่แสดงกัดคุยกันก็มองเพลิดเพลินแล้วอะ โดยยิ่งไปกว่านั้นรายข้างหลัง Dafoe นี่โคตรผู้แสดงประสิทธิภาพจริงๆ

เป็นหนังวีรบุรุษที่โคตรกลมกล่อมละมุนละไม มีหัวจิตหัวใจในตนเองรวมทั้งเข้าถึงหัวใจทุกคน เชื่อเลยว่าหลายต่อหลายท่านยังคงต้องการมองเห็น Tom Holland ในบท Peter Parker/Spider-Man ไปอีกหลายภาคแน่ๆ

ภายหลังที่ภาพยนตร์หัวข้อนี้ได้สร้างปรากฎการณ์ด้วยการกวาดรายได้ครั้งใหญ่ไปเมื่อท้ายปีที่แล้ว และก็ในเวลานี้ ภาพยนตร์หัวข้อนี้ก็ได้เข้ามาให้พวกเราได้รับดูกันแล้วทาง Netflix ผ่านกล่องทรูไอดี คนไหนยังไม่มองไปดูกันได้ ส่วนตัวผมมองประเด็นนี้ตั้งแต่ในระหว่างที่ฉายในโรงหนังแล้ว เอาละมาเริ่มรีวิวกันดีกว่า ความรู้สึกภายหลังจากได้มอง ผมออกจะถูกใจอยู่พอเหมาะพอควร แต่ว่ามิได้ถึงกับประทับใจ เริ่มที่บทก่อนเลย ส่วนตัวผมคิดว่าบทของภาคนี้เข้าขั้นมาตรฐานทั่วๆไปนะ มิได้ลึกซึ้งสลับซับซ้อนอะไรมากมายก่ายกอง เข้าใจง่าย ย้ำความเบิกบานใจ แม้กระนั้นบทก็ยังมิได้อ่อนจนกระทั่งเหลือเกิน เป็นพอดีเลย จัดว่าครบรสพอควร มีอีกทั้งดราม่า ความรัก ความก้าวหน้าของนักแสดง แล้วก็ความสนุกตามสไตล์ของ Spider-Man ที่ยังเป็นวัยรุ่นอยู่ ซึ่งบทผมคิดว่ามันทำให้ดีมากยิ่งกว่านี้ได้ แม้กระนั้นที่เป็นอยู่ก็นับว่าโอเคแล้ว ถัดมาด้านการเดินเรื่อง ในส่วนนี้ผมเห็นว่าทำเป็นบรรเจิดเลย เล่ากระชับ เข้าใจง่าย มีสถานะการณ์มากมายก่ายกองเกิดขึ้นตลอดทั้งเรื่อง ซึ่งมีความน่าติดตามแล้วก็ทำให้พวกเราจุดโฟกัสกับหนังไปได้จนกระทั่งจบ ไม่มีตอนไหนที่น่ารำคาญเลย มองเพลิดเพลินมากมายๆ

สไปเดอร์แมน ราวกับจะเป็นวีรบุรุษฝั่งมาร์เวลผู้เดียวเลยมั้ง ที่ถูกรีบูทรอบแล้วรอบเล่า เยอะแยะสุดในบรรดานักแสดงของมาร์เวล ซึ่งถ้าเกิดจะว่ากันตามจริงแล้ว อาจเกิดขึ้นจากผู้แสดงนี้ไม่ว่าจะช่วงไหนก็ได้รับความนิยมชมชอบตลอดมา มีคู่รักๆหนาแน่น แถมบางทีอาจเป็นฮีโรยุค 2000 คนแรกที่ทำให้ผู้คนจำนวนมากเริ่มหันมาติดตามดูหนังซูเปอร์วีรบุรุษเลยก็ว่าได้ ไม่สนเท่ห์ใจเลยที่ค่ายโซนี่นั้น อุตสาหะที่จะยื้อแม้กระทั่งนักแสดงนี้ผิดคืนสิทธิ์กลับไปยังมาร์เวล จนถึงสร้างดีลที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์เลยก็คือ ยินยอมให้มาร์เวลเอาผู้แสดงนี้ไปใช้ใน MCU ได้ แม้กระนั้นมาร์เวลเองก็ควรจะมีหนังผู้เดียวให้กับทางโซนี่ด้วย แต่เดิมข้อตกลงจิตใจอันนี้ราวกับจะหมดไปตั้งแต่ Endgame จนแล้วจนรอดก็ได้มีการดีลกันใหม่ และก็ใช่ ก็จำเป็นต้องมากับหนังภาคใหม่ด้วย ซึ่งก็คือการผลิต ภาค No Way Home นั่นเอง

ในภาคนี้ เรื่องราวกล่าวถึงภายหลังที่ถูกมิสเตอริโอ เปิดเผยว่าปีเตอร์นั้นเป็นสไปเดอร์แมน โลกสองใบของปีเตอร์พาร์คเกอร์นั้นก็ไม่สุขสงบอีกต่อไป เว็บหนังออนไลน์ฟรี มันมีผลกับชีวิตเค้าแล้วก็คนที่อยู่รอบข้างเยอะแยะ ซึ่งเท่าที่ตัวหนังเล่ามา จะมีแต่ว่าข้อตำหนิมากยิ่งกว่าจุดเด่น ทำให้ปีเตอร์มองเห็นว่า แนวทางเดียวของการแก้ไปปัญหาทั้งผองนี้เป็นการไปอ้อนวอนจาก ดร.สเตรนจ์ ร่ายเวทมนต์ให้ทุกคนเลือนว่าคนไหนกันเป็นสไปเดอร์แมน แต่ว่าแล้วจากการที่คุยกันมิได้ตกลงให้ดีก่อน ทำให้เวทมนตร์คาถาที่ ดร.สเตรนจ์ร่ายออกมากำเนิดบกพร่อง จนถึงทำให้เจอกับแขกจากโลกอื่นๆมากมายก่ายกอง ทำให้เขาจะต้องรีบตามจับเหล่าแขกนี้ ก่อนจะสร้างความย่ำแย่ให้กับโลกใบนี้ จนแล้วจนรอดก็เกิดเหตุวุ่นวายต่างๆนานา เล่ามากยิ่งกว่านี้สักครู่กล่าวหาสปอยล์

ข้างหลังมองจบแล้วจำต้องบอกเลยว่าผมยังโชคดีที่ซ่อนสปอยล์ได้จนกระทั่งวันที่ได้ไปดูรอบ First Fan Screening ที่ฉายไปวันนี้ รีแอคชั่นแรกข้างหลังมองของผมเป็น โคตรไฮป์มากมาย ตัวหนังเองนั้นมีความดาร์คที่สุดของตรีภาคน้องทอมฮอลแลนแล้ว แม้กระนั้นเนื่องจากว่ามันเป็นหนัง MCU เลยมีการแทรกมุขเข้ามาเพื่อลดความกลัดกลุ้ม เศร้าหมอง ของนักแสดงที่จำเป็นต้องพบเห็น ซึ่งในส่วนนี้ทำให้ถ้าเกิดจะเอ่ยถึงว่าดาร์คมากแค่ไหนก็ยังไม่ดาร์คเท่าเวอร์ชั่นโทบี้ แล้วก็แอนดรูอะไร เนื่องจากว่าหนังนั้นเกิดเรื่องแรก ที่เล่นหลักสำคัญ Multiverse แบบขมักเขม้นขนาดนี้ทำให้เป็นที่น่าสนใจและก็ติดตามอยู่ไม่น้อย โดยยิ่งไปกว่านั้นผู้ที่เคยมองสไปเดอร์แมนทั้งคู่เวอร์ชั่นก่อนหน้าที่ผ่านมา คงจะฟินได้ไม่น้อย โดยยิ่งไปกว่านั้นเซอไพร์สที่เค้าร่ำลือกัน อันนั้นก็นับว่าเป็นจุดขายของหนังประเด็นนี้อย่างยิ่งจริงๆ ทางที่ดีเป็นควรจะหลบสปอยให้รอดแล้วไปดูด้วยตาตนเอง คงจะเหมาะสมที่สุด

ถ้าหากจะให้พูดว่าเป็นสไปเดอร์แมน ภาคที่ดีเยี่ยมที่สุดหรือไม่ บอกตามจริงว่ายังไม่ใช่ ผมเองยังให้ Spider-Man 2 ของโทบี้ เป็นที่สุดอยู่ดี ใน No Way Home นี้คงจะอยู่ในลำดับที่ 2 จากทุกเวอร์ชั้่นคนแสดงที่ฉายในโรง แล้วก็ห้ามพลาดเบื้องหลังเครดิตอีกทั้ง 2 ตัว เป็นทำให้ต้องการวาร์ปไปต้นปีหน้ากันอย่างยิ่งจริงๆ 8.5/10

ถัดมาด้านการแสดง ส่วนนี้ก็ทำเป็นดีตามมาตรฐาน Marvel แต่ในภาคนี้ Tom Holland (รับบทบาท Spider-Man) ได้แสดงความสามารถในฉากดราม่าด้วย ซึ่งเขาทำเป็นดีอย่างยิ่งจริงๆ แม้กระนั้นผมก็มิได้สะดุ้งอะไรมากมายนะ เว็บหนังออนไลน์ฟรี เนื่องจากก่อนมาเล่นหนังวีรบุรุษ เขาเคยแสดงในหนังดราม่ามาหลายเรื่องแล้ว และก็ประเด็นนี้เขาก็ทำเป็นดีรวมทั้งเด่นพอใช้เลย แถมบทก็ยังส่งเขาอีก มันเลยออกมาเยี่ยมที่สุด ส่วนดาราหนังคนอื่นแสดงได้ดิบได้ดีทุกคน คนร้ายจากภาคเก่าๆทุกคนเป็นสมหน้าที่ดังเดิม แต่ว่าผู้ที่ดูเหมือนเด่นที่สุดอาจจะหนีไม่พ้น Willem Dafoe (เล่นบท Green Goblin) บอกเลยว่าพ่อมึงแสดงดีเลิศๆดีเลิศอย่างเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ฉากสู้กันในอพาร์ตเมนต์เป็นฉากที่ผมถูกใจที่สุดของเรื่องแล้ว มึงแสดงได้มองน่าขนลุกจริงๆกล่าวได้ว่าแสดงดีกระทั่งทำให้พวกเรารู้สึกไม่ปลอดภัยครั้งใดก็ตามเอ็งออกมา นับว่าดีที่สุดมากมายๆโดยรวแล้วในส่วนของการแสดงผมไม่มีอะไรจะติเตียนเลย atpcomo

รีวิว Spider-Man: No Way Home (สไปเดอร์แมน: โน เวย์ โฮม)ในที่สุดด้านงานภาพและก็การโปรดักชั่น ในส่วนของงานภาพ สำหรับผมนับว่าธรรมดาทั่วๆไปตามมาตรฐานของ Marvel เลย มาตรฐานเดียวกับ Spider-Man ภาคก่อนๆซึ่งตามมาตรฐานของ Marvel นี่นับว่าดีเยี่ยมๆงานภาพงดงาม ซีจีก็ปฏิบัติดี โทนสีภาพที่ใช้ก็ทำออกมาก้าวหน้า ที่ขอดูเลยเป็นการถ่ายทำฉากแอ็คชั่น ดีเลิศจริงๆสนุกสนานมากมาย ส่วนด้านโปรดักชั่น อันนี้เป็นจัดเต็มมากมายๆดีเลิศไปหมด ทั้งยังการออกแบบนักแสดง ฉากแอ็คชั่นก็จัดเต็ม ลักษณะท่าทางและรูปแบบการแต่งตัวก็ทำออกมาก้าวหน้า พูดได้ว่าจัดเต็มมากยิ่งกว่าภาคก่อนๆหลายเท่าเลย มันไม่เสมือนหนังผู้เดียว แม้กระนั้นมันยิ่งใหญ่กระทั่งให้ความรู้ความเข้าใจสึกเสมือน Avengers: Infinity War (2018) เลย เป็นยิ่งใหญ่จริงๆผู้แสดงจำนวนมาก รวมทั้งเป็นตัวละครหลวงความจำทั้งหมด เพียงแค่เข้าไปนั่งดูตัวละครพวกนี้อยู่ในหนังก็เป็นสุขแล้ว สรุปเลยเป็นเป็นหนังแฟนเซอร์วิสที่บันเทิงใจ มิได้ย้ำให้แฟนคลับฟินอปิ้งเดียว แต่ว่ายังมีความเพลิดเพลิน ครบรส มันเป็นที่กำลังดี ไม่มากเกินความจำเป็น และไม่น้อยกระทั่งเหลือเกิน แม้ว่าจะมีเรื่องมีราวบทที่ยังมีข้อเสียอยู่บ้าง แม้กระนั้นภาพรวมเป็นแจ๋วมากๆอย่าเชื่อผม ไปทดลองดูคุ้นเคย ในที่สุดนี้ผมขอให้คะแนนภาพยนตร์เรื่อง Spider-Man: No Way Home (สไปเดอร์แมน: โน เวย์ โฮม) ไว้ที่ 8.5/10 คะแนน